วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๒๐
บทที่ ๒๐
ถึงแล้วแม่น้ำชี
เช้าวันนี้เป็นวันที่สี่ของการเดินทาง เสียงเกวียนออดแอดเริ่มดังแรงขึ้นกว่าเก่า เมื่อขลวนเกวียนเข้าถึงราวป่าข้างหน้า ลุงกาตะโกนว่าหยุดเกวียนกินข้าวเที่ยงก่อน แล้วเกวียนทุกเล่มก็หยุด ทุกคนมานั่งรวมกันใต้ต้นไม้ใหญ่ เมื่อกินเสร็จเกวียนก็เคลื่อนขบวนต่อ
วันนี้เป็นวันที่ห้าของการเดินทาง แม่บอกว่าอีกไม่นานก็ถึงริมฝั่งแม่น้ำชีแล้ว คูนดีใจมากที่จะได้เห็นแม่น้ำใหญ่ แสงตะวันสีแสดถูกสาดลงถูกสายน้ำที่ไหลฉ่าๆ ข้างหน้า ทำให้น้ำแห่งนั้นเป็นประกายสีขาวแกมเหลืองยิบๆ คูนตื้นตันจนพูดอะไรไม่ถูก จันดีร้องขึ้นว่าเกิดมา พึ่งเคยเห็นแม่น้ำใหญ่นี่แหละ บักคูนเอ๊ย
วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๙
บทที่ ๑๙
ฝนตก จับอึ่งมาย่างกิน
คืนหนึ่งขบวนเกวียนพักนอนอยู่ชายป่าริมทุ่ง แม่เรียกพ่อที่นอนอยู่ใต้ท้องเกวียนดังๆว่าตื่นๆ เสียงฟ้าร้องมาแล้วคูนลุกขึ้นนั่งฟังด้วยความดีใจ เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่าฝนจะตก พ่อพาคูนไปกลางทุ่งนาลงไปในน้ำ พ่อพาเดินไปทางเสียงอึ่งร้องระงม พ่อบอกคูนว่าไม่ต้องจับ จากนั้นพ่อก็ส่องไฟไปใต้ต้นข่อย อึ่งอ่างก็กระโดดไปใต้ต้นข่อย พ่อก็ตะครุบ จับไม่นานก็ได้ครึ่งข้อง หนักอึ้งเมื่อกลับถึงที่พักแม่ก็ก่อไฟ รอย่างอึ่ง คูนกินอึ่งย่างแล้วบอกแม่ว่าอึ่งย่างนี่อร่อยจริงๆ
ลูกอีสาน บทที่ ๑๘
บทที่ ๑๘
ไปหาปลา กินลาบบึ้ง
เช้าวันหนึ่งเด็กน้อยคูนตื้นตันใจจนน้ำตาไหล เพราะที่จะได้ไปหาปลากับพ่อ ครั้งนี้เหมือนจะไม่มีวันกลับมาอีก เกวียนหลายเล่มจอดเรียงหน้าบ้านคูน เมื่อทุกคนพร้อม ก็เคลื่อนเกวียนออกไปทางทางบ้านคุ้มเหนือเรื่อยๆ เมื่อหิวทุกคนก็ต่างนำห่อข้าวที่เตรียมมา มาตั้งวง พ่อของคูนก็จับเสียไปขุดตัวบึ้ง เมื่อได้ตัวบึ้งแล้วก็นำมาทำลาบบึ้งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย คูนกินแล้วบอกว่าลาบบึ้งอร่อย ทั้งมันทั้งหอมคล้ายป่นจักจั่นเลย ทุกคนก็นั่งกินไปหัวเราะไป ทำให้คูนนึกว่าขณะนี้กำลังนั่งกินข้าวอยู่ใต้ถุนคราวพ่อเปลี่ยนหลังคาเรือนเมื่อเดือนก่อนที่ผ่านมา
วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๗
บทที่ ๑๗
ตีเหล็ก
วันที่โรงเรียนหยุด
พ่อปลุกคูนแต่เช้ามืดเพราะพ่อจะพาคูนเอามีดที่หมดคมแล้วไปให้ช่างตีเหล็กไปตีให้คมเหมือนเดิม
ซึ่งนายช่างตีเหล็กชื่อพ่อใหญ่ลุยถึงจะอายุมากแต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ พ่อใหญ่ลุยไม่เคยทำไร่ทำนามาแต่เกิดเพราะพ่อของแกเป็นช่างตีเหล็กเหมือนกัน
แกมีหลานชายอยู่สองคน อายุ ๑๘ กับ ๑๙ ไล่เลี่ยกัน ที่มาช่วยงานแก
พ่อใหญ่ลุยอยู่หมู่บ้านน้อย
สาเหตุที่เรียกว่าหมู่บ้านน้อยก็เพราะมีคนมาสร้างบ้านอยู่เพียงเก้าหลังเท่านั้น เมื่อถึงบ้านพ่อใหญ่ลุย
พ่อก็บอกคูนว่าคนที่หัวล้านคือพ่อใหญ่ลุยและคนที่นั่งใกล้กองไฟกับยืนสูบลมอยู่คือหลานชายแก
พ่อกับพ่อใหญ่ลุยก็ถามไถ่กันตามประสาคนที่นานเจอที
พ่อบอกว่าเดือนหน้าจะพากันไปจับปลา
ก็เลยจะเอามีดมาตีใหม่แล้วเงินจะคิดเท่าไร พ่อใหญ่ลุยก็ตอบกลับไปว่า
ค่าจ้างไม่คิดแต่พอจับปลาได้ก็เอามาแบ่งกันด้วย
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๖
บทที่ ๑๖
เตรียมตัวไปหาปลา
คืนหนึ่งที่อากาศร้อนอบอ้าว ลุงเข้มก็เดินมาบอกครอบครัวของคูนว่า
ชาวบ้านหลายครอบครัวจะพากันไปจับปลากัน จะไปด้วยกันหรือเปล่า
พ่อก็บอกว่าไปและจะพาแม่ คูน บุญหลาย ยี่สุ่น ไอ้มอมและไอ้แดงไปด้วย ตั้งแต่วันนั้นพ่อกับแม่ก็พากันซ่อมแซมของที่จะไปจับปลา
พ่อก็เอาแหมาดูว่ามันขาดตรงไหนหรือเปล่า
ส่วนแม่ก็สานสวิงด้วยสำหรับช้อนปลาด้วยตัวเอง และก็ยังมีเครื่องมือจับปลาอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า “มอง” ซึ่งมีลักษณะเหมือนอวนมาก
แต่เส้นเล็กกว่า
แม่ก็เป็นคนสานมองด้วยตัวเองด้วยสายป่านเล็กๆที่เหนียวมาก
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๕
บทที่ ๑๕
สักลายตามตัว
คูนกับจันดีได้ไปประชุมที่บ้านผู้ใหญ่กับพ่อและลุงเข้มเป็นครั้งแรก
จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีธุระอะไรมากมาย
ที่มาเพราะผู้ใหญ่และคนในหมู่บ้านไม่ค่อยเห็นหน้ากันเท่าไหร่
จึงชวนกันมาพบปะพูดคุยกัน แล้วก็มาพูดถึงเรื่องคนกุลา(ไทยใหญ่)
ที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ว่าชอบสักลายและรับจ้างสักลายให้คนในหมู่บ้าน
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๔
บทที่ ๑๔
เปลี่ยนหลังคาเรือน
พ่อของคูนจะทำการเปลี่ยนหลังคาบ้าน เนื่องจากจะเข้าช่วงหน้าฝนแล้ว
พ่อจึงไปถามหลวงพ่อเรื่องการเปลี่ยนหลังคา
หลวงพ่อก็บอกกลับไปว่าวันมะรืนเป็นวันดีสำหรับการมุงหลังคาใหม่ เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ของการเปลี่ยนหลังคาบ้าน
พ่อนำไม้ไผ่ไปทำเป็นตับหญ้าคายาวประมาณวาผู้ใหญ่และผูกเครือไม้ที่ใช้สานหญ้าคาเข้าตับ
พ่อแม่และคูนก็ช่วยกันทำจนเสร็จ
เมื่อถึงวันมะรืนพ่อและทิดจุ่นก็ทำการลื้อหลังคาเก่าทั้งหมดออก
ส่วนแม่คูนและเอื้อยคำกองก็ช่วยกันนำข้าวของในบ้านออกไปไว้ข้างนอกบ้านเพื่อไม่ให้โดนฝุ่นจากหลังคา
พอถึงช่วงการเปลี่ยนหลังคาใหม่แม่คูนและเอื้อยคำกองจะคอยช่วยนำตับหญ้าคาส่งขึ้นไปให้พ่อกับทิดจุ่นไปผูกไว้ข้างบนและก็ทำอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลาประมาณเที่ยงจึงเสร็จ
วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๓
บทที่ ๑๓
ไปจับจิ้งหรีด
แม่ปลุกคูนแต่เช้าตรู่เพื่อพาไปจับจิ้งหรีดไปทำกินที่บ้านย่าตามที่พ่อบอกเมื่อวาน
พร้อมกับเตรียมข้องกับเสียมไว้ขุดรูจิ้งหรีด ทั้งสองพากันไปที่โคกขี้เหล็ก แม่บอกกับคูนว่าช่วงนี้จิ้งหรีดหาจับยากกว่าตอนฤดูเกี่ยวข้าว
แล้วก็แยกกันไปจับจิ้งหรีด คูนค่อยๆย่องไปจับจิ้งหรีดตัวหนึ่งแล้วหยิกหัวมันจนตาย
พอแม่เข้ามาเห็นพอดี ก็บอกกับคูนว่าอย่าหยิกมันตายเพราะเอาไปคั่วแล้วไม่อร่อย ปรากฏว่าแม่จับได้เจ็ดตัว ส่วนคูนจับได้เพียงสามตัว
เสร็จแล้วสองแม่ลูกก็รีบกลับบ้านยายเพราะกลัวไปไม่ทันพิธีสะเดาะเคราะห์ของย่า
ลูกอีสาน บทที่ ๑๒
บทที่ ๑๒
ไปไล่จอนฟอน
วันใหม่ลุงเมฆพ่อของทิดจุ่นมาชวนพ่อกับคูนไปจับจอนฟอนที่ป่าละเมาะข้างๆนาของลุงกา
พ่อจึงพาหมาตัวเองไปรวมกับหมาของลุงเมฆเพื่อไปจับจอนฟอน
เมื่อไปถึงป่าละเมาะที่มีแต่ต้นไม้เตี้ยๆ และหญ้าคาขึ้นเป็นย่อมๆ
พ่อกับทิดจุ่นก็แยกไปทางขวามือและลุงเมฆกับคูนก็วิ่งแกมไปตรงที่มีรูของจอนฟอนอยู่ และจู่ๆจอนฟอนก็วิ่งมาทางลุงเมฆกับคูน
แล้วไอ้ตูบหมาของลุงเมฆกับทิดจุ่นก็วิ่งมางุบตรงกึ่งกลางจอนฟอน
แล้วพยายามดึงมันขึ้นมา ส่วนลุงเมฆก็เตรียมสันพร้ามาตีหัวพังพอน
ลุงเมฆแกก็พยายามบอกให้ไอ้ตูบดึงจอนฟอนตัวนั้นขึ้นมาให้ได้ แต่ด้วยความไวของจอนฟอน
มันก็อาศยจังหวะชุลมุนวิ่งหนีกลับเข้ารูตัวเอง ด้วยความโมโหของลุงเมฆที่จับจอนฟอนไม่ได้
จึงเอาสันพร้าตีลงหัวหมาสองทีแล้วมันก็นอนแน่นิ่งเลือดออกจมูก
พอคูนเห็นก็ไม่รู้จะทำยังไงดีก็ได้แต่มอง พอพ่อกับทิดจุนวิ่งมาหาก็ถามว่าทำไมไอ้ตูบถึงตาย
ด้วยความโมโหลุงเมฆก็ตอบกลับไปว่าเพราะมันปล่อยจอนฟอนกลับลงหลุม
แล้วพ่อกับลุงเมฆก็เถียงกันยกใหญ่
วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๑๑
บทที่ ๑๑
ไปดักนกขุ้ม
ย่าของคูนไม่สบาย พออาการเริ่มดีขึ้นหมอก็สั่งยาไว้ว่าให้ต้มยานกขุ้มกินหม้อหนึ่ง
พ่อกับทิดจุ่นก็ตกลงแยกกันไปหานกขุ้มมาต้มเป็นยา
คูนดีใจมากที่พ่อจะพาไปจับนกขุ้ม
เมื่อพ่อกับคูนกินข้าวเช้าเสร็จก็รีบไปปลดตาข่ายเพื่อไปดักจับนกขุ้มที่ชายทุ่งนา
เพราะนกขุ้มมักจะลงมาหากินจากป่ามาที่ชายทุ่งนาตอนสายๆ
ตีนโคกอีแหลว ที่ที่พ่อกับคูนมาดักจับนกขุ้ม
วิธีการคือวางตาข่ายลงบนดินแล้วคุมด้วยเศษใบไม้ให้พอบังตาได้
แล้วออกห่างจากตาข่ายประมาณยี่สิบวา
แล้วทำเสียงอูดๆเพื่อเรียกนกเขามาติดตาข่าย
พ่อทำอย่างนี้มาหลายชั่วโมงก็เริ่มเหนื่อย จึงให้คูนช่วยทำเสียงอูดๆๆๆ
สักพักก็มีเสียงนกขุ้มดังมาจากตาข่ายที่พ่อวางเอาไว้ พ่อและคูนก็รีบวิ่งมาดู
คูนก็สังเกตเห็นว่านกขุ้มมีสีลายสลับน้ำตาล
ลูกตาดำและเล็กเหมือนนกกระจิบ
ลูกอีสาน บทที่ ๑๐
บทที่ ๑o
ไปเก็บครั่ง
คูนก้มหาเศษครั่งใต้ต้นสะโกก็ไม่พบเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
จึงมองขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อลองหาครั่งใหม่ แต่ก็ไม่เห็น
และระหว่างที่คูนกำลังหาครั้งอยู่นั้นจันดีก็ตะโกนมาบอกว่าจับครั่งได้แล้ว
พอคูนมาเห็นครั่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยลองเอาตัวครั่งบิออกแล้วบี้บนฝ่ามือ
ปรากฏว่ามีสีแดงติดมือ
ลุงกาเดินผ่านมาเห็นเด็กองคนกำลังหาครั่งอยู่พอดีจึงเข้าไปทัก
ด้วยความที่ตนก็กำลังหาครั่งอยู่เหมือนกัน
ก็เลยแบ่งครั่งให้เด็กๆทั้งสองคนนี้ไปขาย กิโลกรัมละสามบาท
คูนถามลุงกาว่าพวกพ่อค้าเขาจะเอาครั่งไปทำอะไรกัน
ลุงกาก็ตอบว่าเขาเอาไปทำเป็นตราไปรษณีย์ หรือทำเป็นสีย้อมผ้าก็ได้
และครั่งพวกนี้มันจะดูดน้ำเปลือกไม้เป็นอาหาร
เมื่อพ่อผ่านมาเห็นคูนกำลังเก็บครั่งอยู่ก็เข้ามาถาม
คูนบอกกับพ่อว่าจะหาเงินไปซื้อเข็มกลัดลูกเสือ
พ่อก็ตอบกลับไปว่าดีแล้วรู้จักหาเงินเอง แต่เลิกหาครั่งได้แล้ว
พรุ่งพ่อจะซื้อเข็มกลัดให้
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๙
บทที่ ๙
หลวงพ่อเคนอาละวาด
เมื่อครูใหญ่อบรมอยู่นานพอสมควรก็ให้ครูทองดีอธิบายเรื่องเวลาการเรียนในหนึ่งวัน
นั้นก็คือเริ่มเรียนตอนสามโมงเช้าหนึ่งตาบแล้วพักเที่ยง
และบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงครึ่งอีกสองคาบ
หลวงพ่อเคนก็มาช่วยคุณครูสอนนักเรียนอีกเรียน
เพราะในโรงเรียนนี้มีครูเพียงสองคน
วันนี้หลวงพ่อก็สอนนักเรียนเรื่องการพูดโดยมีครับหรื่อค่ะท้ายประโยคและพูดให้สุภาพ
ชั่วโมงครูทองดี ครูทองดีก็มีการให้นักเรียนเลือกหัวหน้าห้องคนใหม่
ผลปรากฏว่าจันดีได้เป็นหัวหน้าห้องคนใหม่
และวันนี้ครูทองดีก็สอนเรื่องการวาดรูปท้องไร่ท้องนาเพียงอย่างเดียว
เมื่อเลยพักเที่ยง หลวงพ่อเคนก็ได้เทศนากับนักเรียนอยู่พักใหญ่
และสอนนักเรียนว่าการลักขโมยของของคนอื่นเป็นสิ่งไม่ดีเป็นบาป
และการฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางกเป็นบาปและจะทำให้เรียนหนังสือไม่ทันเพื่อนๆ
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๘
บทที่ ๘
เข้าโรงเรียน
เมื่อสนทนากับหลวงพ่อเสร็จแล้ว
พ่อของคูนก็กราบลาหลวงพ่อแล้วพาคูนไปเดินดูที่ต่างๆภายในวัด
พอเดินทางกันมาสุดรั้วก็เห็นโรงธรรมหลังหนึ่งซึ่งใหญ่มากๆ
แล้วพ่อก็ชี้ไปที่โรงธรรมนั้นแล้วบอกกับคูนว่านั้นไงล่ะโรงเรียน
เมื่อถึงวันไปโรงเรียนจันดีก็พาคูนไปทำความรู้จักกับทุกคนในโรงเรียนนี้
ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนมากแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงเก่าๆเหมือนคูน
แต่คูนก็มาเอะใจกับสามคนนี้
คนแรกเสื้อกับกางเกงใหม่มากๆหวีผมแสกลงเป็นลูกครูใหญ่ คนที่สองที่พูดดังๆเป็นลูกชายหมอลำ
ส่วนคนคนที่สามคือคนที่อมของอยู่ในปากเป็นลูกของเจ็กอู๋
ซึ่งคนนี้จันดีก็บอกกับคูนเบาๆว่าบักคนนี้มันกล้าชกกับจันดีโดยไม่กลัวใคร
แล้วบอกคูนให้อยู่ห่างๆไว้
เมื่อเวลาแปดนาฬิกาเคารพธงชาติ
คูนจันดีและนักเรียนทุกคนก็มาร้องเพลงชาติ ว่า “แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา ร่วมรักษาเอกราชชนชาติไทย
ฯลฯ” เพลงชาติไทยเดิม
โดยโรงเรียนที่คูนเรียนอยู่นี้มีทั้งหมดห้าระดับได้แก่ ชั้นมูล
ขี้หมูไหล ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ส่วนคูนนั้นเรียนอยู่ชั้นขี้หมูไหล
วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๗
บทที่ ๗
งานสงกรานต์
อีกสามวันจะถึงวันสงกรานต์ แม่ของคูนได้เอาเปลือกข้าวมาตำข้าวพอกินได้สามวัน
เพราะช่วงวันสงกรานต์นั้นทุกคนจะเอาแต่สนุกสนานอย่างเดียว
จนไม่มีเวลาตำข้าว
พอถึงวันสงกรานต์
พ่อและแม่ก็ปลุกคูนและน้องๆอีกสองคนตั้งแต่เช้าเพื่อไปรดน้ำดำหัวคุณย่าที่บ้านท่าน
พอเป็นอันเสร็จพิธีแล้วพ่อก็รีบกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวเข้าป่ากับลุงเข้ม
ส่วนแม่ก็พาเด็กๆไปเล่นน้ำในวันสงกรานต์
คืนหนึ่งคูนตื่นเต้นมาก
เพราะพ่อบอกกับคูนว่าจะพาคูนไปฝากตัวกลับหลวงพ่อเคนที่วัด
เพื่อให้คูนได้เรียนหนังสือ เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นคูนก็ดีใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าจันดีลูกของป้าบัวศรีกับลุงเข้มจะมาเรียนด้วย
เมื่อถึงวันที่คูนได้มาเรียนกลับหลวงพ่อเคน
มีช่วงหนึ่งหลวงพ่อก็ถามว่าคูนรักใครมากที่สุด คูนก็ตอบว่าพ่อแม่ บุญหลายและยี่สุ่น หลวงพ่อก็ถามต่อว่าแล้วเกลียดใครมากที่สุด
คูนก็นั่งนึกอยู่สักพักแล้วก็ตอบว่าท้องฟ้าครับเพราะมันไม่เคยให้ฝน
มันให้แต่ความแห้งแล้ง เมื่อหลวงพ่อได้ยินเช่นนั้นก็ตีก้นคูนแรงๆแล้วให้คูนพูดว่า
ต่อไปผมจะไม่โทษท้องฟ้า เพราะท้องฟ้าไม่เคยโทษใคร
ลูกอีสาน บทที่ ๖
บทที่ ๖
ชูสาว
หลังจากคูนเล่าเรื่องที่ทิดจุ่นไปกอดจูบคำกอง เริ่มมาวันใหม่พ่อกับแม่ก็พาคูนไปบ้านของลุงใหญ่เรื่องที่ทิดจุ่นแอบไปนอนกับคำกองแล้วโดนพ่อคำกองนั้นก็คือลุงใหญ่ขวางทางไว้ไม่ให้ทิดจุ่นหนีไปไหน
พ่อของคูนมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน
ลุงใหญ่คนโต พ่อของคูนคนที่สอง ส่วนคนที่สามถูกฆ่าตายตั้งแต่ยังหนุ่ม
และคนที่สี่อาสีนิล ส่วนลุงใหญ่กับป้าบัวขาวมีลูกทั้งหมดสามคน
ชายสองคนแต่ไปมีเมียแล้วย้ายออกไปหมด ก็เหลือแต่คำกองที่ยังไม่ออกเรือน
เมื่อเจรจากันเสร็จ
ทิดจุ่นก็ทำพิธีสู่ขอคำกองตามประเพณีที่สืบต่อกันมา
และต้องทำพิธีขอขมาผีตายายของคำกอง
เพราะชาวอีสานถือว่าการที่ผู้บ่าวชูสาวจะทำให้ผีตายายของฝ่ายสาวโกรธ
เมื่อพิธีเสร็จสิ้นก็จะมีงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของทิดจุ่นกับคำกองที่บ้านผู้ใหญ่
วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๕
บทที่ ๕
บ่าวสาวเกี้ยวกัน
เช้าวันใหม่คูนได้ไปหาเพื่อนนั้นก็คือ “จันดี” และได้ไปเล่นลมหัวกุดอย่างสนุกสนานตวามประสาเด็กๆ
แต่ซักพักพ่อของคูนก็ตะโกนเรียกเด็กทั้งสองคนไปจับพังพอนกัน
ขณะนั้นเอื้อยคำกองเป็นลูกของพี่ชายพ่อของคูน ผ่านมาก็คุยกันตามประสาญาติๆ
คำกองชวนคูนไปตักน้ำที่ตีนโคนโคกขี้เหล็ก
แล้วก็เลยไปคล้องกิ้งก่าต่อในทุ่งนา
และระหว่างที่คูนไปจับกิ้งก่าอยู่ทิดจุ่นก็แอบไปทำมิดีมิร้ายกับคำกอง
โดยคำกองก็ไม่สามารถขัดขืนทิดจุ่นได้ ก็ได้แต่พูดเจรจาไปเท่านั้น
คำกองบอกกับทิดจุ่นว่าถ้ารักกันจริงๆก็ให้มาสู่ขอเป็นเรื่องเป็นราว
จะได้ไม่มีใคร ครหานินทาได้
แล้วคูนก็กลับมาเห็นภาพที่ทิดจุ่นทำมิดีมิร้ายกับคำกองพอดี
เมื่อทิดจุ่นรู้ว่ามีคนไปเห็นตนทำมิดีมิร้ายอยู่ก็รีบวิ่งหนีหายจากไป
แล้วคูนก็รีบวิ่งเข้ามาถามคำกองด้วยความเป็นห่วง คำกองก็ตอบไปหมดทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกลวนลามจากทิดจุ่น
แล้วก็กำชับกับคูนว่าห้ามไปบอกใครเด็ดขาด
พอคูนกลับถึงบ้าน พ่อก็ชวนคูนไปบ้านคนญวน คูนก็ตอบตกลง
แต่พ่อมีเงื่อนไขว่าจะต้องตอบคำถามที่พ่อถามมา
แล้วพ่อก็ถามว่าทิดจุ่นกอดกับคำกองจริงหรือไม่ พอคูนตอบว่าเป็นเรื่องจริง
พ่อก็หัวเราะเบาๆ
ลูกอีสาน บทที่ ๔
บทที่ ๔
ญวนเข้ามาบุกจีนในถิ่นเรา
ตกตอนสาย
ขณะที่คูนและน้องๆเล่นกันอยู่ ก็มีผู้หญิงญวนสองคนวัยแม่
เดินมาที่บ้าน ด้วยความที่ บุญหลายและยี่สุ่นกลัวคนญวนตามคำเล่าลวงของพวกผู้ใหญ่อีสานที่ไม่ชอบคนญวนก็เลยวิ่งขึ้นไปหาแม่ทันที
แต่มีคูนคนเดียวที่ไม่กลัว
ซักพักคูนก็เห็นแม่เอาไข่ไก่ไปให้หญิงญวนคนนั้น
และหญิงญวนก็ให้ธนบัตรหนึ่งบาทให้แม่
แล้วหญิงญวนคนนั้นก็บอกกับแม่และคูนว่าตนเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่แทนคนเก่า
ถ้าอยากได้ของอะไรก็จับกบเขียดงูสิงหรือพังพอนมาแลกได้ แต่ไม่เอากิ้งก่า
ว่าแล้วก็เดินจากไป
ด้วยความสงสัยของคูนจึงถามแม่ว่าพ่อไม่ชอบคนญวนไม่ใช่หรือ
แม่ตอบว่าถ้าไปค้าขายกันก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งเรื่องอื่นกับพวกนี้
พอถึงเที่ยง
แม่ก็พาคูนนำของที่มีไปขายให้คนญวนที่พบกันเมื่อตอนสายๆนี้
พร้อมทั้งพาบุญหลายกับยี่สุ่นไปด้วย
ระหว่างเดินทางคูนผ่านหน้าบ้านเจ็กอู๋
แล้วเมียเจ็กอู๋ก็เรียกทั้งห้าคนมาพักกินน้ำเสียก่อน
แต่คูนกลับไม่ชอบสองสามีภรรยาคู่นี้เพราะเจ็กอู๋พูดเสียงขาดๆฟังไม่ชัดกับเมียเจ็กอู๋ที่พูดเสียงดังแล้วยังมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา
แล้วเจ็กอู๋ก็ถามแม่ว่าจะไปของให้พวกคนญวนทำไมกัน
แม่ก็ตอบว่าสงสารคนพวกนี้มันจะไม่มีข้าวกินเพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่
แล้วเจ็กอู๋ก็ตอบกลับแม่ว่าถึงพวกมันขายของได้ดีแล้วมันก็ขนเงินกลับประเทศของมันไป
ต่างจากเจ็กอู๋ที่อาศัยอยู่ที่นี่ อยากได้อะไรก็มีหมดแถมคุณภาพก็ดีกว่าญวนด้วย
ลูกอีสาน บทที่ ๓
บทที่ ๓
ลาบปลาร้า
ตอนเช้ามืดวันหนึ่งคูนตื่นมาเพราะได้ยินว่าจะมีคนย้ายไปหมู่บ้านอื่นจึงต้องไปล่ำลาพร้อมพ่อ ด้วยความอยากรู้ของเด็กๆ
คูนจึงถามลุงคนนี้ว่าจะย้ายไปไหน ลุงตอบว่าไปบ้านดินดำน้ำชุ่ม
คูนก็ถามต่อว่ามันคือที่ไหน ลุงก็ตอบว่าคือดินดี
ปลูกข้าวปลูกผักก็งาม น้ำหนองไม่แห้งแล้งเหมือนที่นี่
พอสายๆคูนก็ลงไปช่วยแม่ทำแจ่วปลาร้าห่อให้พ่อเอาไปกินเวลาไปทำงาน และแม่ก็ได้สอนวิธีทำปลาร้าให้แก่คูน คูนถามแม่ว่าทำไมผ้าปิดไหต้องห่อขี้เถ้าด้วย แม่ตอบว่าเพราะแมลงวันเกลียดและกลัวขี้เถ้ามาก ว่าแล้วก็ล้วงเอาปลาร้าตัวเท่านิ้วก้อยขึ้นมาวางลงบนเขียง
แล้วแม่ก็ให้คูนสับปลาร้าเบาๆ พอละเอียดแล้วก็นำตะไคร้กับหัวข่าอ่อนที่ฝานไว้รอแล้ว สักครู่ก็นำหัวหอมแห้งกับพริกสดโรยลงไป แล้วสับได้สิบนาทีแม่ก็บอกว่าให้หยุดแล้วนำไปตักข้าวคั่วลงไปอีกแล้วสับอีก
พอคูนสับจนได้ที่แม่ก็ให้หยุด แล้วหยิบพร้าไปจากคูนขูดลาบวางลงบนใบตองลนไฟอ่อนๆ ก็ได้ปลาร้าแล้ว
เมื่อถึงเวลากินข้าวพ่อนำผ้าขาวม้าห่อข้าวไปกินตอนทำงาน ส่วนแม่ก็เรียกคูนและน้องๆมาร่วมวงกินข้าว
แล้วก็สอนให้ยี่สุ่นกับบุญหลายกินข้าวให้ได้มากกว่ากับจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานได้เยอะกว่ากินกับมากกว่าข้าว และโตมาจึงจะเป็นคนเก่งและคนดี
พอสายๆคูนก็ลงไปช่วยแม่ทำแจ่วปลาร้าห่อให้พ่อเอาไปกินเวลาไปทำงาน และแม่ก็ได้สอนวิธีทำปลาร้าให้แก่คูน คูนถามแม่ว่าทำไมผ้าปิดไหต้องห่อขี้เถ้าด้วย แม่ตอบว่าเพราะแมลงวันเกลียดและกลัวขี้เถ้ามาก ว่าแล้วก็ล้วงเอาปลาร้าตัวเท่านิ้วก้อยขึ้นมาวางลงบนเขียง
แล้วแม่ก็ให้คูนสับปลาร้าเบาๆ พอละเอียดแล้วก็นำตะไคร้กับหัวข่าอ่อนที่ฝานไว้รอแล้ว สักครู่ก็นำหัวหอมแห้งกับพริกสดโรยลงไป แล้วสับได้สิบนาทีแม่ก็บอกว่าให้หยุดแล้วนำไปตักข้าวคั่วลงไปอีกแล้วสับอีก
พอคูนสับจนได้ที่แม่ก็ให้หยุด แล้วหยิบพร้าไปจากคูนขูดลาบวางลงบนใบตองลนไฟอ่อนๆ ก็ได้ปลาร้าแล้ว
เมื่อถึงเวลากินข้าวพ่อนำผ้าขาวม้าห่อข้าวไปกินตอนทำงาน ส่วนแม่ก็เรียกคูนและน้องๆมาร่วมวงกินข้าว
แล้วก็สอนให้ยี่สุ่นกับบุญหลายกินข้าวให้ได้มากกว่ากับจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานได้เยอะกว่ากินกับมากกว่าข้าว และโตมาจึงจะเป็นคนเก่งและคนดี
วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559
ลูกอีสาน บทที่ ๒
บทที่ ๒
หาอาหารบนหน้าแล้ง
คูนไม่เคยไปเที่ยวเลยสักครั้ง เนื่องจากแม่เป็นห่วงและรักคูนมาก
แต่คูนก็ได้เข้าป่ากับพ่อจนได้ และนอกจากนั้นยังพายี่สุ่นและบุญหลายไปด้วย
พ่อนิ่งพักหนึ่งก็ไปเตรียมเอาข้าวห่อที่แม่ทำให้ใส่ผ้าขาวม้าและไปเอาหน้าไม้กับกระบอกลูกศรแบกบนไหล่ขวา
สะพายข้องสำหรับใส่จักจั่นใส่บ่าซ้าย เมื่อเตรียมของเสร็จก็ไปพาไอ้มอมกับไอ้แดงหมาสองตัวไปด้วย
ซึ่งหมาทั้งสองตัวนี้พ่อรักพวกมันมาก เพราะมันไล่กัดพังพอนและจับอีเห็นเก่งอีกต่างหาก
นอกจากนี้พ่อของคูนยังมีวิธีเลือกสุนัขด้วย คือถ้าหมาสีดำและสีดำปนขาวพ่อจะไม่เอาเพราะใจไม่สู้ แพ้หมาสีน้ำตาลกับสีหม่น
ถึงโคกหนองใหญ่
ก็เกือบเที่ยงแล้วคูนก็ชวนพ่อนั่งลงบนขอนไม้พักก่อน แล้วกินข้าว ซึ่งข้าวเที่ยงของสองคนนี้คือจักจั่น ขณะคูนกำลังดื่มน้ำในกระบอกไม้ไผ่อยู่ ไอ้มอมกับไอ้แดงกำลังกัดกับงูเห่า
ด้วยความอยากรู้ของเด็กๆ คูนจึงวิ่งไปดูตามพ่อ
เห็นงูเห่ากำลังแผ่แม่เบี้ยโดนไอ้มอมวิ่งวนๆรอบงูแล้วงับไปที่หางงูจนงูตาย พ่อก็บอกคูนว่าให้ไปยิงนกดีว่า งูนี้กินไม่ได้ มันต้องเป็นงูสิงเอาไปต้มส้มกินได้
เมื่อถึงทุ่งนา
พ่อบอกกับคูนว่างูสิงชอบลงจากเฟือยไม้มาตากแดดในตอนเช้าตรู่กับตอนเย็น
แล้วก็ได้เห็นงูสิงตัวเป็นๆบนต้นข่อยสองต้น แล้วพ่อก็เอาบ่วงผูกติดกับปลายแส้ไม้ไผ่แล้วค่อยๆแหย่ปลายบ่วงสักครู่พ่อก็สามารถจับงูสิงได้
แล้วก่อกองไฟขี้น นำเอาเถาวัลย์ผูกคองูแขวนบนกิ่งไม้
แล้วย่างกินกับคูน
ความตื่นเต้นทำให้คูนอยากไปล่าพังพอนในวันต่อมา แต่พ่อบอกว่าคูนยังไม่โตพอที่จะล่าพังพอนได้เพราะนอกจากจะจับยากแล้วยังอาจจะเจองูเห่ากัดเอาได้
ลูกอีสาน บทที่ ๑
บทที่ ๑
หมู่บ้านเริ่มร้าง
เมื่อ ๔๗ ปีก่อน ในภาคอีสานยังมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ทุกบ้านมีสภาพเหมือนกันหมดคือมียุ้งฉางใกล้บ้าน และคอกวัวควายใต้ถุนบ้าน รอบๆหมู่บ้านมีทุ่งนาและหนองน้ำ
เลยหนองไปอีกหน่อยก็เป็นป่าโปรง ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “โคกอีแหลว”
และยังมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีสมาชิกด้วยกัน ๕ คน คือมีพ่อแม่ และลูกๆอีกสาม
(พี่ชายหนึ่ง
และเด็กผู้หญิงสองคนยี่สุ่นและบุญหลาย)
วันหนึ่งคูน ลูกชายคนโตอยากได้ซื้อกะโพกญี่ปุ่นจึงขอเงินพ่อไปซื้อ
แต่พ่อก็ไม่ให้ ทำให้คูนได้แต่นั่งมองพวกแกวหาบเร่เดินไปจนลับตา
และพ่อก็เคยบอกคูนว่าอย่าไปยุ่งกับพวกคนแกวนั้น เพราะว่าพวกนั้นมันหมอ แต่แม่ของคูนออกมาค้านพ่ออีกว่าถ้าพวกเราคนอีสานไปเอาอย่างแกวจะไม่มีวันทุกข์ยากปากหมอง
วันหนึ่งเป็นวันที่ร้อนมาก ขณะที่เด็กๆทั้งสามคนเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน
แม่ก็ก็เอาไข่หมกในทรายมาให้เด็กๆกิน พอพ่อลงมาเห็นก็บอกกับเด็กๆว่า
ไข่หมกทรายกินแล้วทำให้เรียนเก่ง คูนจึงสงสัยแล้วถามพอว่าจะให้ตนไปโรงเรียนหรือ
พ่อก็ถามต่อไปว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คูนตอบว่าอยากเป็นพ่อค้าหาบเร่เหมือนพวกแกว
พอพูดคุยกันเสร็จแม่ก็ให้พ่อไปซื้อเสื้อนักเรียนและหนังสือเรียนให้คูน
วันหนึ่งผีปอบเข้ามากินตับปู่ในบ้านคุ้มบ้านใต้ ด้วยความอยากรู้ของคูน จึงแอบเข้าไปดูไกลๆ
แล้วคูนก็เห็นคนหนึ่งถือแส้ตีปู่ที่นอนร้องอยู่แล้วเอาน้ำรดลงตัวปู่
แล้วคนที่ถือแส้ก็ถามปู่ว่ามึงเป็นผีปอบตัวไส ซื่ออีหยังบอกมาไวๆ แล้วปู่ก็ตอบว่า
กูบ่แมนผีปอบ กูเป็นไข้ป่า พอแล้วๆอย่าอาบน้ำให้กู ต่อมาไม่นานคูนก็น้องไห้โห่งๆเพราะคูนได้ยินเสียงคนข้างบนร้องไห้
พอมาดูก็พบว่าคุณปู่ไม่ลืมตา แล้วคุณปู่ก็หายหน้าไปตั้งแต่คราวนั้นอีกต่อไป
เช้ามืดวันหนึ่งมีเสียงเซ็งแซ่ที่หน้าบ้าน คูนตื่นขึ้นก็เห็นพ่อแม่กำลังร่ำลาลุงสี
ลุงแก้วและภรรยา เนื่องจากว่าพวกเขาจะย้ายไปอยู่ที่บ้านดินดำน้ำชุ่ม
ด้วยความสงสัยของคูน จึงไปถามแม่ว่าบ้านดินน้ำชุ่มคืออะไร
แม่ตอบว่าคือที่ทำนาได้ทุกปี คูนจึงไปถามพ่อว่าทำไมเราไม่ย้ายไปอยู่ที่นั้นบ้าง
พ่อก็ตอบว่าปู่ของลูกสั่งเสียว่าอย่าย้ายไปไหน...
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)